ไทยกับสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เกิดขึ้นตรงกับ พ.ศ. 2457 ขณะนั้นประเทศไทยวางตัวเป็นกลาง แต่เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงติดตามสถานการณ์สงครามอย่างใกล้ชิด แล้วทรงเห็นว่าฝ่ายเยอรมันเป็นฝ่ายที่รุกราน จึงทรงตัดสินพระทัยประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย -ฮังการี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2460 จึงมีการประกาศเรียกพลทหารอาสาสำหรับกองบินและกองยานยนตร์ทหารบก เพื่อเข้าร่วมรบในสมรภูมิยุโรป

การไปร่วมรบครั้งนี้ทหารไทยได้ประสบกาณ์มากมาย ทั้งทางเทคนิคการรบ และทางการช่างในสงครามจริง ไทยยังได้เปลี่ยนธงชาติที่มีสัญลักษณ์รูปช้าง เป็นธงไตรรงค์เพื่อใช้ในการนี้ด้วย
หลังสงครามเสร็จสิ้น ฝ่ายสัมพันธมิตรที่ไทยไปช่วยรบได้รับชนะ ไทยได้รับเชิญให้เข้าเป็นสมาชิกประเภทริเริ่มองค์การสันนิบาตชาติ อันเป็นหลักประกันความปลอดภัยของประเทศ ทั้งยังได้รับเกียรติเข้าร่วมทำสนธิสัญญาแวร์ซาย ได้ทำการยกเลิกสัญญาที่เคยทำไว้กับออสเตรีย – ฮังการีและเยอรมัน ต่อมามีการสร้างอนุสาวรีย์ที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งนี้ และในด้านการทหาร ได้จัดตั้งกรมอากาศยานขึ้นเป็นครั้งแรกอีกด้วย
การส่งทหารไปร่วมรบในครั้งนี้มีผู้มาสมัครเป็นทหารอาสามากมาย ไทยได้จัดส่งทหารไปเป็น 2 กอง คือ กองบินทหารบกประมาณ 400 คนเศษ และกองทหารบกรถยนต์ประมาณ 850 คน เดินทางไปถึงเมืองท่ามาร์แชล ประเทศฝรั่งเศส ในวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2461 ซึ่งนับเป็นหน่วยทหารไทยกองแรกในประวัติศาสตร์ที่ยาตราทัพเป็นระยะทางไกลที่สุดถึงทวีปยุโรป
กองทัพไทยถูกส่งประจำการแนวหน้าทันที ทำหน้าที่ลำเลียงกำลังให้แก่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ ทั้งกลางวันและกลางคืนท่ามกลางหิมะ สามารถยึดดินแดนของเยอรมนีทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำไรน์มาได้ ร่วมกับกองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร รัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้ให้ตรา “ครัวซ์เดอแกร์” มาประดับธงชัยเฉลิมพล เพื่อเป็นเกียรติแก่กองทหารรถยนต์ไทย กับได้ให้ตรานี้แก่ทหารไทย 2 นายที่ได้ตรวจทางกระสุนปืนของข้าศึกด้วยความกล้าหาญ สำหรับกองบินทหารบกนั้นไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมในสมรภูมิครั้งนี้ เพราะสงครามได้ยุติลงเสียก่อน
จากการเข้าร่วมสงครามครั้งนี้ไทยได้สร้าง “อนุสาวรีย์ทหารอาสา” และ “วงเวียน 22 กรกฎา” ไว้เป็นอนุสรณ์ที่ระลึกไว้ด้วย
ผลที่ไทยได้รับจากการเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 มีดังนี้
- ทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักของนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศในทวีปยุโรป
- ทำให้ได้รับการยกย่องว่ามีฐานะและสิทธิเท่าเทียมกับอารยประเทศ
- ทำให้ไทยมีโอกาสเรียกน้องขอแก้สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมได้สำเร็จ โดยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งยอมยกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับไทยเป็นประเทศแรก
- จากประสบการณ์ในการสงคราม ทำให้ไทยสามารถนำมาปรับปรุงวิชาการทหารให้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น
- ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ.2460 เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี ได้ยกเลิกสนธิสัญญาที่ทำไว้กับประเทศไทยและอำนาจศาลกงสุล
- ไทยได้ผลประโยชน์จากการยึดทรัพย์สินและห้างร้านของเชลย
- ไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ริเริ่มในองค์การสันนิบาตชาตb
|