**Welcome to Site**

สงครามเย็น และความร่วมมือของ Eu

 

1.  ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนกระทั่งถึง พ.ศ. 2525 ปรากฏว่าสหภาพยุโรป ได้มีการติดต่อค้าขายระหว่างกัน มีมูลค่าสูงถึง 25 เท่าของ พ.ศ. 2501 และในการค้ากับต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หากเปรียบเทียบการค้าใน พ.ศ. 2501 และ 2525 แล้ว ปรากฏว่าสหภาพ ยุโรปส่งสินค้าออกไปยังกลุ่มประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด มีมูลค่าถึง 18 เท่า และสั่งสินค้าเข้าสูงถึง 13 เท่าของ พ.ศ.2501 ทั้งนี้เพราะสหภาพยุโรปได้เลิกการจำกัดปริมาณสินค้าเข้าและยกเลิกระบบภาษี ศุลกากรจากประเทศสมาชิกอย่างเด็ดขาดและลดหย่อนข้อจำกัดอื่นๆ แก่ประเทศนอกลุ่มสมาชิกลง

2.   สหภาพยุโรปได้พัฒนาไปจนเกือบถึงระดับเป็นสหภาพเศรษฐกิจสมบูรณ์แบบอันเป็น ชั้นสูงสุดของการร่วมกลุ่มทางเศรษฐกิจ สหภาพยุโรปจึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นองค์การความร่วมมือทางด้านการเมือง คือ พ.ศ. 2534 สภาสหภาพยุโรป ได้คัดเลือกเจ้าหน้าที่บริหารขึ้นมา 20 คน เพื่อจัดให้มีการประชุมมาระหว่างประเทศและดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของ สนธิสัญญามาสตริกต์ (Maastricht Treaty, 1992) 

3.    สำหรับความคืบหน้าในด้านความร่วมมือกันทางการเงิน สหภาพยุโรปได้ตั้งธนาคารกลางยุโปรขึ้น เมื่อ พ.ศ.2541 และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542 สมาชิกสหภาพยุโรป 11 ประเทศ (ยกเว้น สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก สวีเดน และกรีซ) ได้เริ่มร่วมกันใช้เงินสกุลเดียว เรียกว่า “เงินยูโร” โดยในระยะแรกจะใช้เงินนี้ในระบบบัญชีไปก่อน ส่วนการใช้เงินสดยังคงใช้เงินประจำชาติจนถึงวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2545 จึงจะมีธนบัตรและเหรียญยูโรเข้าสู่ระบบเงินของสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 11 ประเทศที่ใช้เงินสกุลเดียว

วัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง
อ้างอิง
เว็บเพจผลงานนักเรียน: ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/4 กลุ่มที่ 8
โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง